วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2556

5 วิธีลงทุนให้ประสบความสำเร็จแบบนักลงทุนระยะยาว

วิธีลงทุนให้ประสบความสำเร็จแบบนักลงทุนระยะยาว



ความจริงในตลาดหุ้นที่ไม่มีวิธีหรือหลักการเฉพาะเจาะจงใดให้ลงทุนให้ประสบความสำเร็จได้  แต่ละคนมีแนวความถนัด และความสามารถให้การใช้เทคนิคการลงทุนในสำหรับได้ค่อนข้างแตกต่างกัน  อย่างไรก็ดีการมีหลักการเบื้องต้นให้ยืดถือก็สามารถทำให้เรามีแนวทางในการลงทุนให้สำเร็จได้ดังนี้

1.Sell the losers and let the winners ride
ขายหุ้นที่ขาดทุน และ ถือตัวที่กำไรไว้ต่อ

คนส่วนมากยอมที่จะขายหุ้นที่กำไรออกไป แล้วทิ้งหุ้นตัวที่ขาดทุนไว้  หารู้ไม่ว่าบางครั้งหุ้นที่ขาดทุนอาจไม่สมควรเก็บไว้  เพราะมันอาจจะลงแล้วลงอีก และหลายท่านที่ยอมขายตอนที่มันลงไปที่จุดต่ำสุดอีกด้วย

2. Don't chase a "hot tip"
อย่าตาม….ทีเด็ด

ไม่ว่าจะมีทีเด็ดมาจากญาติสนิท มิตรสหาย พี่น้อง โบรคเกอร์ หรือแม้แต่เจ้าของกิจการ  บางครั้งคุณต้องเข็มแข็งต่อข้อมูลกระตุ้นความโลภ  เพราะสิ่งที่คุณรับรู้กับสิ่งที่คุณกำลังจะตัดสินใจอาจจะผิดพลาดได้  อย่าลืมพิจารณาความเป็นไปได้ทุกครั้งก่อนตัดสินใจ  อย่าเชื่อทีเด็ด เพราะอาจเสร็จบนดอย

3. Don't sweat the small stuff.
อย่าร้อนรน กับปัจจัยภายนอกเล็กๆน้อยๆ

การจะเป็นนักลงทุนระยะยาวให้ได้นั้น  คุณต้องไม่ตื่นตระหนกกับสภาพตลาด ข่าวร้าย ข่าวที่กระตุ้นความตื่นตระหนกของเม่า  หากเพียงคุณต้องฟังแบบมีเหตุมีผลและวิเคราะห์สาเหตุผลกระทบต่อบริษัทที่คุณลงทุนอย่างจริงจัง


4. Don't overemphasize the P/E ratio.
อย่าสนใจ P/E ratio มากเกินไป

นักลงทุนส่วนใหญ่มักสนใจความสำคัญของ P/E ratio มากเกินไป  ไม่ใช่เพียงแต่ว่า P/E ratio ต่ำแล้วก็หมายความว่าบริษัทนี้น่าลงทุนเสมอไป “Undervalued” หรือ บริษัทที่มี P/E ratio สูง
“Overvalued” เกินกว่าตลาดก็ไม่น่าลงทุนแล้ว ซึ่งความจริงแล้วยังมีปัจจัยอื่นๆที่ควรมาวิเคราะห์เพิ่มเติมด้วย 


5. Pick a strategy and stick with it.
เลือกกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะกับแนวทางของตนเอง
หลายคนหลายความคิด  หลายแนวทางการลงทุน  ไม่มีแนวทางไหนผิดหรือถูก มีแต่แนวทางไหนเหมาะกับท่านมากที่สุด  ค้นหาแนวทางของท่านให้เจอ และใช้มันให้เกิดประโยชน์  อย่าฟังคนรอบข้างมากว่าแนวทางนั้นๆดี  เพราะแนวทางนั้นอาจเหมาะกับเขาแต่ไม่เหมาะกับคุณ

ท้ายทีสุด  ต้องตั้งเป้าหมายของตัวท่านเองและอย่าลืมเปิดใจยอมรับฟังสิ่งรอบตัว และนำมาวิเคราะห์ปรับปรุงให้เหมาะกับแนวทางของท่าน  ไม่มีแนวทางไหนดีที่สุด  แต่ต้องมีแนวที่เหมาะที่สุดกับตัวท่านเอง

#งงหุ้น
www.facebook.com/stockwhat


Reference: http://www.investopedia.com

วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556

บทเรียนจากหุ้นปั่น โดย งงหุ้น


                             บทเรียนจากหุ้นปั่น 


เม่าอย่างเราได้รับบทเรียนอะไรบ้างจากหุ้นปั่น คิดว่าจะรวยเร็ว เล่นตามชาวบ้าน เห็นคนอื่นได้เงินกันเยอะ เห็นเค้าบอกว่าเจ้ากำลังจะเข้า เห็นว่าจะได้เงินจากการซื้อหุ้นปั่นครั้งนี้ คิดว่ารอศึกษาแล้วกว่าจะเข้าเค้าคงเลิกปั่น คิดว่ารีบๆซื้อได้แล้วเดี่ยวเจ้าเลิกลาก ทันใดนั้นก็ตัดสินใจ

“เคาะขวา….เจอดอย….เจ้าทิ้ง….ราคาลงฮวบ……ทำไงดี??”

บางครั้งการต่อสู้กับหุ้นปั่นก็ไม่ง่าย เพราะหุ้นปั่น คือหุ้นหลายๆตัวในตลาดที่มีราคาขึ้นลงผิดจากกลไกจากตลาด หรืออาจเป็นไปตามความต้องการของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือที่เม่าอยากเราเรียกว่าเจ้าคุมนั่นเอง

โดยหุ้นปั่นจะมีวิธีการ “ดึงดูด ลาก ไล่ กระชาก ทุบ”

ดึงดูด – ทำให้หุ้นตัวเองน่าสนใจ โดยเริ่มทำให้เหมือนมีวอลุ่มเข้าตลอดเวลา เหมือนบางทีเราจะเห็น คนเคาะ 100 100 1000 หรือ 1000 1000 1000 ติดๆกัน เพื่อดึงดูดเม่าให้เริ่มมาสนใจ

ลาก – พอเม่าอยากเราเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงของวอลุ่ม เริ่มเห็นแสงสีเขียวริบๆๆน่าบินเข้าไปหา วอลุ่มที่บางๆ ก็เริ่มหนาขึ้น ให้น่ากระโจนเข้าใส่ 

ไล่ – เม่าติดเบ็ด เริ่มเข้ากัน เจ้าเริ่มบรรเลง ไล่ให้ถึงเป้า โดยจุดนี้ แรงเม่าจะเข้าช่วยกันไล่ให้ราคายิ่งขึ้นน่าสนใจเข้าไปใหญ่

กระชาก – ราคาไปสูงได้ใจเจ้า ต้องเทขายทำกำไร กระชากใจเม่าลงเหว 

ทุบ – ทิ้งขายเทกำไรเอาเงินไปกินเที่ยว ทิ้งเม่าให้เหงางงคาดอย

จบปฎิบัติการ “ปั่นเม่าให้อยู่ดอย” ถ้าเป็นหุ้นที่พอมีข่าว พอมีพื้นฐาน ก็ยังพอมีความหวัง ส่วนถ้าเป็นหุ้นที่ไม่มี Story ไม่มีพื้นฐานใดๆมารองรับขอบอกว่า ตายสถานเดียว ต้องยอม “Cut Loss” ไม่งั้นอาจไม่เหลืออะไรให้คัท

งงหุ้นเข้าตลาดใหม่ๆ ก็เคยเจอกับตัวเอง บอกว่าเป้า 30 บาท คัทไปประมาณ 15 ตอนนี้น่าจะเหลือ 6 บาท ถ้าไม่คัทป่านนี้คงไม่เหลือตังค์

“อย่าหวังรวยเร็ว เพราะอาจจนนาน”

ด้วยความปรารถนาดีจาก
#งงหุ้น
26.9.13

วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2556

ซื้อหุ้นตัวไหนดี ... สไตร์ งงหุ้น


                 ซื้อหุ้นตัวไหนดี ... สไตร์ งงหุ้น


คงเป็นคำถามที่ติดปากนักลงทุน เม่ามือใหม่ที่มักถามกันเวลาเริ่มลงทุนกันใหม่ๆ รวมถึงเม่าหน้าเก่าลงทุนมานานก็ยังคงถามกัน

จริงๆแล้ว เราควรจะซื้อหุ้นตัวไหน ต้องทำอย่างไรกันบ้างนะ งงหุ้นขอแชร์เทคนิคส่วนตัว "VI หัวใจ เทคนิเคิล" กันนิดหน่อย

- ก่อนอื่น ปรับเปลี่ยนมุมมองตัวเองซักหน่อย แทนที่จะถามว่า ซื้อหุ้นตัวไหนดี หุ้นตัวไหนจะขึ้น เป็น ลงทุนในกิจการไหนดี กิจการนั้นๆทำอะไรอยู่ แล้วมีผลประกอบการณ์เป็นอย่างไร เจ้าของธุรกิจมัแนวคิดแผนอนาคตอย่างไร

-วิเคราะห์คุณภาพกำไรของบริษัทนั้นๆว่าเป็นกำไรต่อเนื่องของกิจการหรือไม่ ความแข่งแกร่งของกิจการ สินค้ามีสินค้าทดแทน หรือคู่แข่งเป็นอย่างไร หรือเป็นการเริ่มวิเคราะห์ 5 Forces Model นั่นเอง

- ดูว่าบริษัทมีรายได้เป็นอย่างไร ยกตัวอย่างเช่น บริษัทที่มีการเก็บเงินสดลูกค้า ลูกหนี้ระยะยาวน้อยย่อมดีกว่าบริษัทที่ให้เครดิตลูกค้านานๆ

- ดูว่าบริษัทมีการจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นหรือไม่ ดูผลประกอบการย้อนหลังว่าขาดทุนหรือเปล่า ถ้าขาดทุนต้องรู้สาเหตุว่าทำไมและเจ้าของมีวิธีจัดการอย่างไร

- ใช้เทคนิคกราฟมาช่วยในการตัดสินใจเข้าซื้อ หรือดูจุดขาย โดยหลักๆที่ใช้จะเป็น MACD EMA 5 vs EMA 15 และ FIBO (อันนี้ถนัดส่วนตัว ขึ้นอยู่กับจริตของแต่ละบุคคล)

- ติดตามข่าวสาร สถานการณ์ของตลาดในประเทศและต่างประเทศ วิเคราะห์ปัจจัยที่อาจมีผลต่อบริษัท แต่ "ไม่เชื่อทุกข่าว" ต้องพิจารณาดีๆในการเสพข่าว เพราะบางครั้งข่าวที่ปล่อยสู่นักลงทุนคือ "ข่าวดี ลากเม่าขึ้นดอย"

นี่เป็นเพียงการเลือกหุ้นเบื้องต้นสไตร์ "งงหุ้น" ใครลงทุนแนวไหนดี ก็ลงทุนแนวนั้น ไม่มีถูกผิด มีแต่ถูกจริตแล้วจะรวย

"การลงทุนที่ดีนั้น คือ การลงทุนที่มีการศึกษาและเข้าใจในสิ่งที่ตนเองลงทุน" ไม่ว่าจะลงทุนแนวเทคนิค VI หรือเก็งกำไร คุณก็ต้องมีเหตุผลในการตัดสินใจแต่ละครั้งเช่นกัน....

ใครมีเทคนิคการซื้อหุ้นมาแชร์ยินดีมากค่ะ

#งงหุ้น
22.9.2013

วันเสาร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2556

จาก 1600 ลงมาเกือบ 1200 ฉันอยู่รอดได้อย่างไร


จาก 1600 ลงมาเกือบ 1200 ฉันอยู่รอดได้อย่างไร.......


หลายคนแอบถามมาใน inbox ว่าสบายดีมั้ย ขาดทุนมั้ย ดอยมั้ย ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง .... เลยอยากบอกว่าสบายดี แอบมีดอย แต่ไม่ขาดทุน ยังกำไรอยู่

ถึงเป็น"เม่า" ก็เป็น เม่าที่พัฒนาขึ้นมาอีกขั้น ประสบการณ์ ความนิ่งจะทำให้เรายืนอยู่ในตลาดหุ้นได้ปลอดภัยขึ้น

งงหุ้นเข้าตลาดมาสามปีกว่าๆ จากเม่ามาก ตอนนี้เริ่มเป็นเม่าปีกเหล็ก ถึงจะยังไม่โชกโชนตลาดแต่ก็เริ่ม"นิ่ง" ขึ้นมาก และเริ่มเรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง

- จะประสบความสำเร็จในการลงทุน "ต้องศึกษาเองให้มากที่สุด เท่าที่จะมากได้"

- ยิ่งได้รับรู้ข่าวมากเท่าไหร่ อาจมีผลต่อการตัดสินใจผิดพลาดได้มากเท่านั้น "ต้องมีวิจารณญานในการรับสื่อ"

- การเชื่อคนอื่น ซื้อตามคนอื่น เป็นการตัดสินใจที่ผิดมาก เพราะส่วนมากที่ซื้อตามเพราะเชื่อเป้า ก็จะไม่รู้จุดขาย และ ตายคาดอย

- ไม่ว่าจะลงทุนแนวไหน คุณต้องรู้แนวทางว่าวิธีไหนเหมาะกับคุณที่สุด และ ทำให้คุณอยู่รอดปลอดภัย

-ไม่จำเป็นต้องซื้อหุ้นทุกตัวที่มีข่าวว่าจะดี แต่ให้เลือกหุ้นที่คุณเข้าใจและถนัด หลังจากผ่านจุดคัดเม่างงหุ้นเองเลือกลงทุนแต่ตัวเดิมๆที่เข้าใจธุรกิจ รอบการลงทุน หลังๆเลยไม่ค่อยเจ็บ (แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคน)

- ยิ่งเจ็บ ยิ่งดอย ยิ่งจำเป็นบทเรียน หาสาเหตุความเม่า แล้วพยายามไม่ทำอีก งงหุ้นเคยเล่นตามข่าวหลายครั้ง ขึ้นรวยได้แป๊ปๆแต่หนีแทบไม่ทันส่วนตัวถ้าเล่นหุ้นซิ่งจะยอมขายหมูเพื่อความปลอดภัย

- "ไม่ต้องเทรดทุกวัน แต่แค่จังหวะดีๆสักครั้ง ก็ทำให้คุณรวยได้" ส่วนตัวงงหุ้นช่วงที่หุ้นลงมากๆช่วง 1260 เป็นจังหวะที่ดีในการเก็บหุ้นเพียงแต่คุณ "กล้าเมื่อคนอื่นกลัว" หรือเปล่า เลยแอบได้เก็บหุ้นที่อยากได้บางตัวและได้ค่าขนมมานิดหน่อย

สุดท้าย "การตัดสินใจด้วยตัวเองดีที่สุด" และให้โทษตัวเองทุกครั้งเมื่อผิดพลาด

และนี่คือการลงทุน "งงหุ้น" สไตร์คะ ใครมีข้อแนะนำให้ปรับปรุงยินดีมากคะ ขอบคุณแฟนเพจที่คอยแชร์ไอเดียและ อยู่เป็นเม่าด้วยกันจนถึงวันนี้

#งงหุ้น
20.9.2013


www.facebook.com/stockwhat

วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2556

จุดคัดเม่า by งงหุ้น

จุดคัดเม่า by งงหุ้น

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าคุณไม่อยากรวยและคงปฏิเสธไม่ได้ว่า คุณคิดว่าเล่นหุ้นแล้วจะรวย

เราเหล่าเม่ามักเข้าตลาดหุ้นด้วยเสียงกระตุ้นจากรอบข้างว่าเล่นหุ้นแล้วรวยนะ เห็นคนรอบตัวเปิดพอร์ตนั่งติดจอ โอ้ว มันเท่ห์จัง เราต้องเอากับเขาบ้างละ  แล้วก็เข้าตลาดหุ้น เปิดพอร์ตด้วยความมุ่งมั่นว่าจะรวย  บ้างก็ไม่ศึกษาข้อมูลอะไรเลย คิดว่าตลาดหุ้นมันสวยสดงดงาม เราจะรวยเป็นล้าน ร้อยล้าน พันล้านเหมือนที่เซียนๆเขาเขียนเขาเล่าไว้ในหนังสือได้แน่ๆ “Optimism”

เข้าตลาดมาด้วยความตื่นเต้น “Excitement” เข้าตัวไหนดีนะ  ฟังคนนู้นที คนนี้ที ตัวนี้ดี ตัวนี้เจ๋ง ข่าวกำลังมาแล้ว สัญญานเทคนิคตัดขึ้นอย่างสวยงาม  เค้าว่างบดี เราต้องซื้อตามเค้าแล้วหล่ะ  เดี่ยวรวยไม่ทันเขา

เคาะขวาไป  โอ้วพระเจ้าจอร์ช มันยอดมาก  ราคาขึ้นแล้ว ขึ้นอีก รวยจังกรู ดีใจเว้ยเฮ้ย “Thrill”  ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่คิด รู้สึกว่าเรามาถูกทาง เราเจ๋ง เราเก่งจริงๆเลย แบบว่า โคตรจะมั่นใจ ต่อไปจัดให้หนักกว่านี้!!

เคาะขวาทุกครั้ง รวยทุกครั้ง ไม่อยากบอกว่ามั่นใจสุดๆแล้วตอนนี้  … “Euphoria” จุดที่ดูโหดสุดในการลงทุน “Maximum Financial Risk but also maximum financial gain” หลังจากที่เราได้กำไรติดต่อกันมากๆ ความโลภ ความทะเยอทะยานเริ่มสูง  ทำให้บางครั้งลืมตัวไปว่าบางทีความเสี่ยงในการลงทุนมันยังมีมากมายจากหลายปัจจัย

และแล้วก็มีปัจจัยภายในหรือภายนอกมาส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นของเรา  ราคามันไม่วิ่งไปอย่างที่คิดไว้  แทนที่จะทะลุแนวต้าน เป็น new high ไฉนมันถึงเริ่มลง เริ่มลง “Anxiety” ความกังวลเริ่มเกิดขึ้น แต่ใจก็ยังคงคิดว่า เชอะเดี่ยวมันก็ไปต่อ

ต่อไปสักพัก  ทำไมนะ มันยังลง และลงอีกเรื่อยๆ ไม่เป็นไปตามแผนที่เราคิดไว้ “Denial” แล้วต่อไปมันจะยังขึ้นอีกไหมหนอ  เราคิดอะไรผิดไปใช่ไหมนั่น

“Fear” ความกลัวเริ่มบังเกิด สรุปว่าเราจะติดดอยมั้ย  มันจะขึ้นอีกมั้ย หรือเรารีบๆขายตอนนี้ไปก่อนดีกว่า ยังพอมีกำไรเหลืออันน้อยนิด แต่สุดท้ายเราก็ตัดสินใจ  โอ้ว..ไว้ก่อน ยังไม่ขายดีกว่า

ณ จุดนี้  อยากจะบอกว่า ขาดทุนแล้วไม่น่าเลย  ทำไมไม่ขายไปนะ  “Desperation”  จะกำไรแล้ว ทำไมนะทำไม และแล้วก็ปล่อยทิ้งไว้ก่อนดูสถานการณ์ต่ออีกนิดละกัน

ไม่ได้แล้ว  ไม่ได้แล้ว คนขายกันใหญ่เลย  ทำไงดี ทำไงดี “Panic” ทำไมเป็นอย่างนี้ ขายไม่ทันแล้ว โอ้ย ขายที่ราคาไหนดีนะ  ทำไมเค้า Panic Sell ขาย จอดแดงกันขนาดนี้นะ

และแล้วราคามันก็ลงแล้ว ลงอีกจนเราคิดว่ามันไม่น่ามีโอกาสขึ้นอีก   ยอมๆ ยอมแล้วก็ได้  ขายๆออกไปก่อน  ก่อนที่จะไม่มีทุนเหลือเลย “Capitulation”

เฮ้อหมด หมดกัน เราช่างไม่เหมาะกับการเล่นหุ้นเลย  เงินที่สะสมมา  หมด หมดกัน เลิกเล่นหุ้นดีกว่า ไม่เอาอีกแล้ว “Despondency”  ซึ่งความจริงแล้วจุดนี้มักจะเป็นจุดที่มีโอกาสเก็บหุ้นและได้เงินมากที่สุด “Point of Maximun Financial Opportunity”  เขาถึงชอบว่า เม่ามักออกตอนจุดต่ำสุด

“DEPRESSION” เสียใจ เศร้าใจ หมดใจ ไม่เอาแล้วตลาดหุ้น มันไม่ใช่เรา   ณ จุดนี้ งงหุ้นขอเรียกจุดนี้ว่า จุดคัดเม่าเป็นจุดที่เราจะคิดหนักว่าเราจะเลิกเล่นหุ้น หรือว่าเราจะออกจากตลาดหุ้นไปดี  อีกนัยหนึ่ง จุดนี้จะเป็นจุดที่มีเม่าที่มีพลังฉุกคิดและกลับตัวกลับใจ  ซึ่งจุดนี้เป็นจุดกำเนิดของเพจงงหุ้น เป็นจุดที่คิดว่าการเล่นหุ้นไม่ง่าย และ หุ้นเล่นไม่ได้  ต้องศึกษาอย่างจริงจัง  เรามาลงทุนในกิจการดีกว่า เริ่มหันมาศึกษาหาแนวทางที่เข้ากับตัวเองได้มากที่สุด  ซึ่งสำหรับงงหุ้นแล้วทางที่เหมาะที่สุดคือ วีไอ หัวใจ เทคนิเคิล”  คือ ลงทุนในธุรกิจที่เราสนใจ และเข้าใจ  โดยใช้เทคนิคช่วยในการเข้าลงทุน

พอเราเริ่มศึกษามากขึ้น อ่านมากขึ้น เรียนรู้จากประสบการมากขึ้น  เราก็มีความหวัง “Hope”  ที่จะก้าวหน้ามากขึ้น  มองอนาคตและธุรกิจที่ก้าวไกลยิ่งขึ้น  และพอเราได้ศีกษามี จังหวะที่ดีขั้นก็ทำให้เข้าใจตลาดและเข้าลงทุนได้ถูกเวลามากขึ้น “Relief”

สิ่งที่สำคัญทีสุดคือ เมื่อคุณผ่านจุดคัดเม่ามาได้แล้ว  อย่าย้อนกลับไปที่วงจรเดิมๆ หรือถ้าได้กลับไปอีกครั้ง คุณก็ต้องรู้ต้วว่าคุณควรจะปฏิบัติอย่างไรให้พ้นจุดอันตรายไปได้  ไม่เช่นนั้น คุณอาจโดนจุดคัดเม่า คัดคุณออกจากตลาดได้

ด้วยความปรารถนาดีจาก
งงหุ้น
www.facebook.com/stockwhat



วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ทำไมถึงอยากเล่นหุ้น โดย อภิษฎา มหัธนันท์

ทำไมถึงอยากเล่นหุ้น

ทำไมถึงอยากเล่นหุ้น??  คำถามสั้นๆง่ายๆได้ใจความนี้  แต่คำตอบหลากหลายนัก ซึ่งบางครั้งหลายคนคงยังไม่รู้คำตอบของตัวเองเช่นกันว่าทำไม….

คำตอบแรกที่คนส่วนมากเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเพราะ อยากรวย คิดว่าการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นนั้นเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้ได้เงินง่ายๆ ยิ่งมีนักลงทุนเซียนๆในตลาดมากมายที่ย้ำว่าลงทุนในตลาดหุ้นนั้นทำให้เกิดความมั่งคั่งร่ำรวย ซึ่ง จากแสนอาจงอกเงยเป็นล้าน จากล้านเพิ่มเป็นร้อยเป็นพันล้านได้  ซึ่งในความเป็นจริงนั้นจะมีสักกี่คนที่รวยและประสบความสำเร็จได้แบบนั้นจริงๆ  จากนักลงทุน 100 คน  จะมีสักกี่คนที่รอดพ้นจากการขาดทุนในตลาดหุ้นได้ตลอดรอดฝั่ง

บ้างก็อยากมีอิสรภาพในการเงิน  ไม่ชอบทำงานประจำ  อยากให้เงินทำงาน  คิดแล้วก็ดูเป็นเหตุผลที่น่าสนใจ  แล้วจะต้องทำอย่างไรหล่ะเพราะการอยู่เฉยๆ คงไม่ทำให้เรารวยขึ้นได้  และในความเป็นจริง คงไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่ได้มาง่ายๆโดยที่ไม่รู้จักลงแรง   อยากมีเงินเดือนก็ต้องทำงาน  อยากมีเงินมากๆก็ต้องขยันทำมาหากิน  อยากมีอิสรภาพทางการเงินก็ต้องรู้จักขวนขวายหาความรู้ศึกษากิจการที่เราจะลงทุนอย่างถ่องแท้ เราถึงจะสามารถปล่อยให้เงินทำงานได้

บ้างก็คิดว่าเล่นหุ้นนั้นเท่ห์ดี  ดูมีเสน่ห์ ราศีจับ  เห็นบางคนเปิดจอ Streaming จ้องใหญ่ จ้องมันทั้งวัน  คนเล่นหุ้นไม่เป็นเห็นก็คิดว่า คนนี้เค้าเท่ห์จังเล่นหุ้นด้วย เห็นดูหน้าจอทั้งวันเลย  ซึ่งความจริงแล้วถ้าเรารู้จักการลงทุนในตลาดหุ้นจริงๆเราอาจจะไม่ต้องเสียเวลาอยู่หน้าจอ ประสาทเสียกับราคารายวัน รายนาทีก็ได้

ที่หนักสุดคือ  เรายังไม่รู้ตนเองเลยว่าทำไมเราถึงอยากเล่นหุ้น  ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายมากในการลงทุน  เพราะถ้าคุณไม่รู้จักตนเอง  ไม่รู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของตนเองนั้นคืออะไร  คุณก็ไม่อาจหาวิธีวางแผนให้สำเร็จตามเป้าหมายของคุณได้  ลองตั้งสติกันสักนิดก่อนที่จะสายเกินไป  นั่งพิจารณาตนเองกันหน่อยว่าแท้จริงแล้วเหตุผลที่แท้จริงในการเข้าตลาดหุ้นของคุณคืออะไร 

ถ้าเพราะคำว่ารวยก็อย่าลืมว่า  การอยู่เฉยๆนั้น ไม่ทำให้คุณรวยได้  การไม่ขยันหาความรู้ ศึกษาข้อมูลก็ไม่ทำให้คุณรวยได้ การคิดทำตามผู้อื่นโดยไม่รู้จักศักยภาพ ความถนัดของตนเองก็ไม่ทำให้รวยได้


เริ่มตั้งแต่วันนี้หาเหตุผลให้ตัวเองดีๆว่า ทำไมถึงอยากเล่นหุ้น”…………..

ด้วยความปรารถดีจาก งงหุ้น
www.facebook.com/stockwhat

วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2556

หุ้นมันเคยตกมาตั้งแต่สมัย”พ่อ” เราแล้ว……….

หลายคนคงพุดกันว่า ทำไมช่วงนี้หุ้นมันร่วงลงอยู่ได้ วันละ 20 30 40 จุด ดอยมันช่างหนาวเหน็บเหลือเกิน

ในงาน งงหุ้น Festival แอดมินได้นำประเด็นนี้มาพูดเหมือนกัน แต่อยากจะบอกว่า ตลาดหุ้นมันมีขึ้น ก็มีลงมาตลอด ไม่ว่าสมัยนี้ รุ่นพ่อ รุ่นปู่

จากภาพที่แอดมินไปขุดมาเจอ….จะเห็นได้ว่า ตลาดหุ้นของเราเคยไปแตะจุดต่ำสุดที่ 76 จุด ในปี 2519 ซึ่งถ้าเป็นตอนนี้เราคงได้เป็นวีไอถือยาวจนออกลูกออกหลาน แต่เมื่อเจอจุดต่ำสุด มันย่อมมีจุดเด้งขึ้นเสมอ ตลาดในช่วงนั้นช่างตกต่ำไม่ว่าจะจากเศรษฐกิจภายในประเทศ รัฐประหาร สงครามอ่าว เศรษฐกิจที่ตกต่ำในต่างประเทศล้วนแล้วแต่มีผลต่อตลาดหุ้นของเราทั้งนั้น อย่างไรก็ดี “มีลง ย่อมมีขึ้น” หลังจากนั้นในปี 2536 ตลาดเข้าสู่ยุคทองคำของตลาดเงิน ตลาดวิ่งจาก 850 จุดไปสูงสุดที่ 1750 จุด( ปีนี้ใครซื้อหุ้นจะรวยมาก) อาจจะเหมือนปลายปีที่แล้วที่เราชาวเม่าแห่เข้าตลาด แต่อะไรถ้าดีเกินไป ก็มักมีความเสี่ยง ซึ่งปีนี้เป็นปีที่แมลงเม่าเข้าตลาดมากมาย และผลก็คือ ปีต่อมา แมลงเม่าก็ต้องตาย ซึ่งอาจคล้ายตลาดในช่วงนี้ และตลาดกลับไปลงต่ำสุดอีกครั้งในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง ซึ่งช่วงนั้นก็เป็นช่วงที่นักลงทุนยอมแพ้ ขาดทุนจากตลาดไปมากเหมือนกัน ใครอดทน ถือยาว ซื้อให้ช่วงนั้นก็รวยกันไปเลย

เห็นมั้ยค่ะ…ว่าการลงทุนในตลาดหุ้นนั้น มันไม่ง่าย มันเหมือนเหมือนซื้อผักปลาอาหาร มันต้องมีการศึกษา คิด วิเคราะห์ให้แตกฉาน นี่หล่ะ คือสาเหตุว่าทำไม งงหุ้นถึงอยากจัดมิตติ้ง งงหุ้น Festival ขึ้นมา และอยากค้นพบตัวเองว่าลงทุนสไตล์ไหนเหมาะกับตัวเองที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแนววีไอ แนวเทคนิค หรือหุ้นซิ่ง ทั้ง 3 แนวทางนี้ต่างต้องมีแนวทางปฏิบัติ ระเบียบ วินัยในตนเองทั้งสิ้น

หากคุณไม่มีวินัย ไม่ศึกษา คุณก็ไม่สามารถอยู่ในตลาดหุ้นได้อย่างยั่งยืนและปลอดภัยในตลาดไม่ว่าขาขึ้น ขาลง เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง และ “คุณ” จะเป็นคนจำกัดความเสี่ยงนั้น……

โปรดติดตามตอนต่อไป…..ส่วนหนึ่งจากงานงงหุ้น Festival

งงหุ้น